
Nonaka ได้ศึกษาวิจัยเกี่นวกับธรรมชาติของความรู้ ความรู้ คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
พบว่า
ความรู้มีลักษณะที่ความแตกต่างตากปิรามิดแห่งความรู้ Yamazaki โดย Nonaka ได้เปรียบเทียบความรู้กับรูปภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งจำแนกความรู้ออกเป็น 2 ประเภท
1. ส่วนยอดภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่เหนือน้ำมองเห็นได้ชัดเจนเรียกว่า Explicit Knowledge แปลว่าความรู้แจ้งชัด
2. ส่วนภูเขาน้ำแข็งที่จมอยู่ใต้น้ำ
ไม่สามารถมองเห็นได้ เรียกว่า Tacit Knowledge แปลว่า ความรู้ฝังลึก (ที่อยู่ในตัวคน)
Explicit Knowledge (ความรู้แจ้งชัด) คือ ความรู้ที่เป็นเหตุเป็นผล หรือ
ความรู้เชิงทฤษฏีที่บันทึกไว้ในสื่อต่างๆ เช่น เอกสารตำรา และคู่มือการปฏิบัติงาน
เป็นความรู้ที่ง่ายต่อการอธิบายถ่ายทอด
ซึ่งทำให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงความรู้นั้นได้ง่าย
จึงเปรียบได้กับภูเขาน้ำแข็งส่วนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามองเห็นได้ชัดเจน มีปริมาณ 20%
ของความรู้ทั้งหมดของคนเรา
Tacit Knowledge (ความรู้ฝังลึก) คือ
ความรู้เชิงประสบการณ์ ที่ซ่อนอยู่ในตัวคน ในลักษณะของความชำนาญหรือความเชี่ยวชาญ
ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะบุคคลหรือพรสวรรค์
ซึ่งยากแก่การอธิบายถ่ายทอดให้เป็นลายลักษณ์อักษร
แต่ก็สามารถพัฒนาและแบ่งปันกันได้ ด้วยเหตุผลที่เป็นความรู้ที่ซ่อนอยู่ในตัวคน
มองเห็นไม่ชัดเจน จึงเปรียบได้กับภูเขาน้ำแข็ง
ส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำซึ่งมองไม่เห็นมีปริมาณ 80% ของความรู้
ทั้งหมดของคนเรา
ความรู้ฝังลึกเป็นประสบการณ์ที่ซ่อนอยู่ในตัวตน ได้แก่
- ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว
ที่ยากต่อการเลียนแบบ
- พรสวรรค์
เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่บุคคลอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้
- เทคนิควิธีของแต่ละคน
ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติงานจนกลายเป็นทักษะความชำนาญหรือความเชี่ยวชาญ
- วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ เป็นบทสรุปของเทคนิค
วิธีการดำเนินงานที่ดีที่สุดของแต่ละคน ที่ค้นพบจากการทำงาน
- สูตรเด็ดเคล็ดลับต่างๆ
สัดส่วนของความรู้บนภูเขาน้ำแข็ง
เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนของความรู้ทั้ง
2 ประเภท พบว่า ความรู้ในองค์กรที่เป็น Explicit และ Tacit มีอัตราส่วน 20:80
คล้ายกับภูเขาน้ำแข็งที่มียอดภูเขาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา
เป็นส่วนน้อย (Explicit ประมาณ 20% ของทั้งหมด)
เมื่อเปรียบเทียบส่วนของภูเขาน้ำแข็งที่จมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งมีมาก (Tacit ประมาณ 80% ของทั้งหมด)
ดังนั้น
องค์กรชั้นนำทั่วโลก จึงเริ่มให้ความสนใจ เรื่อง
การจัดการความรู้ของคนในองค์กรมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะความรู้เชิงประสบการณ์ที่อยู่ในตัวพนักงาน- จึงเริ่มต้นจัดการความรู้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ
การออกคำสั่งให้พนักงานทุกคนเขียนเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการทำงานของตนเอง
ส่งผู้จัดการบริษัท เพื่อทำให้ Tacit
Knowledge ซึ่งเป็นความรู้ฝังลึกในตัวพนักงานได้เปลี่ยนสถานะเป็น Explicit
Knowledge หรือกลายเป็นความรู้ที่แจ้งชัด
ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร
เพื่อเก็บไว้ในคลังความรู้ขององค์กรให้พนักงานคนอื่นๆ ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้
และนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการทำงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น